ฟิล์มกรองแสงคืออะไร?


ฟิล์มกรองแสงลดความร้อน ผลิตจากพลาสติกโพลีเอสเตอร์ที่มีคุณสมบัติเหนียว ใส เรียบ ยืดหยุ่นน้อย ไม่ดูดซับความชื้น มีความทนทานต่อสภาพอากาศทั้งสูงและต่ำได้เป็นอย่างดี ในเนื้อฟิล์มกรองแสง จะมีวัสดุที่ใช้เพื่อป้องกันความร้อนและรังสียูวี โดยใช้เทคโนโลยี ในการผลิตเป็นชิ้นๆ ผสานด้วยกาวพิเศษเพื่อการยึดเกาะได้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าว จึงเหมาะที่จะนำไปเป็น ฟิล์มอาคาร ฟิล์มคอนโด ฟิล์มโรงแรม ฟิล์มรีสอร์ท ฟิล์มสำนักงาน ฟิล์มที่พักอาศัยและฟิล์มติดกระจกในสถานที่ต่างๆ

โดยปกติแล้วจะมีการเรียกความเข้มของฟิล์มกรองแสงว่า เป็นฟิล์มเข้มแบบ 40% 60% 80% ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลข 40 60 80 ไม่ได้มีความหมายใดๆ ทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นความเข้าใจผิดของผู้บริโภคตั้งแต่สมัยก่อนที่ฟิล์มกรองแสงเข้ามายังตลาดรถยนต์เมืองไทยครั้งแรก ด้วยความที่ว่ามีตัวเลือกของความเข้มฟิล์มยังมีน้อย คนจึงเรียกฟิล์มที่มีความเข้มมากที่สุดว่าฟิล์ม 80% เข้มน้อยรองลงมาก็คือฟิล์ม 60% และเข้มน้อยสุด 40% เป็นแบบนี้เรื่อยมา จนมาถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเรียกกันผิดๆ


ความจริงแล้วสิ่งที่เราเรียกว่า


ฟิล์มเข้ม 80 คือฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 5 %
ฟิล์มเข้ม 60 คือฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 20 %
ฟิล์มเข้ม 40 คือฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 40-50 % และถ้าใสกว่านี้โดยทั่วไปก็จะเรียกว่าฟิล์มใส



ค่าแสงส่องผ่าน (Visible Light Trasmittance) ค่า VLT สูง = สามารถส่องผ่านได้มาก = ทำให้ห้องสว่าง
การสะท้อนของแสง (Visible Light Reflectance) ค่า VLR สูง = มีปริมาณปรอทมาก = แสงสะท้อนได้มาก = สามารถลดความร้อนดี
การป้องกันความร้อน (Infrared Light Rejection) ค่า IR สูง = สามารถลดความร้อนดี
 


การลดรังสียูวี (UV Rejection) โดยปกติฟิล์มทุกชนิดจะสามารถป้องกัน UV ได้เท่ากันคือ 99%
หลายๆ คนยังเข้าใจผิดๆว่า ฟิล์มที่มีสีเข้มหรือทึบ ช่วยลดความร้อนได้ดี ในความจริงแล้ว สีหรือความทึบของฟิล์มกรองแสงไม่ได้เป็นตัวช่วยลดความร้อน แต่กลับเป็นสารเคลือบตัวอื่นๆ ที่ทำหน้าที่หลักนี้ต่างหาก  ส่วนประกอบของความร้อนที่เราได้รับนั้นมีสัดส่วนและแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ

ความสว่างของแสงมีสัดส่วน 44%
รังสีอินฟาเรด (รังสีใต้แดด) มีอยู่ 53%
รังสียูวี (รังสีเหนือม่วง,รังสีอุลตร้าไวโอเลต) มีอยู่ 3%

**ดังนั้นฟิล์มกรองแสงที่สามารถลดความร้อนได้ดีควรจะลดรังสีทั้ง 3 ส่วนได้มากๆ

ตัวอย่างเช่น หากท่านติดฟิล์มกรองแสงที่มีความทึบแสงมากๆ แต่ฟิล์มกรองแสงนั้นๆ เป็นประเภทฟิล์มย้อมสีหรือเป็นฟิล์มกรองแสงที่ไม่ได้มีส่วนผสมของโลหะหรือ สารพิเศษใดๆ ท่านจะรู้สึกถึงความร้อนที่ผ่านชั้นผิวของฟิล์มกรองแสงเข้ามา นั่นก็คือฟิล์มกรองแสงนั้นๆสามารถลดได้แค่ความสว่างของแสงที่มีสัดส่วนอยู่ 44% แต่รังสีอินฟาเรดยังสามารถผ่านทะลุเข้ามาได้จนรู้สึกถึงความร้อน ในทางกลับกันหากท่านติดฟิล์มกรองแสงที่มีส่วนผสมพิเศษไม่ว่าจะเป็นส่วนผสม ของโลหะหรืออื่นๆ แต่ฟิล์มกรองแสงนั้นๆ มีค่าความทึบแสงน้อย(แสงส่องผ่านเข้าไปได้เยอะ) ท่านก็จะรู้สึกถึงความร้อนจากความสว่างของแสงที่ส่องผ่านฟิล์มกรองแสงเข้ามา ส่วนรังสียูวีนั้นเป็นส่วนประกอบน้อยมากของความร้อน (3%) ซึ่งฟิล์มกรองแสงเกือบทั้งหมดสามารถลดรังสียูวีได้มากกว่า 99% อยู่แล้ว

เรื่องน่ารู้ก่อนเลือกฟิล์มกรองแสงติดกระจกบ้าน

สำหรับบ้านพักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโดมิเนียมนั้น ฟิล์มกรองแสงติดกระจกบ้านถือเป็นตัวช่วยในการลดสิ่งไม่พึงประสงค์จากแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านกระจกประตูหน้าต่าง ไม่ว่าจะเป็น “ความร้อน” ที่ทำให้เรารู้สึกแสบผิว เหนอะหนะ และสิ้นเปลืองค่าแอร์ “แสงจ้าของพระอาทิตย์” ที่ทำให้ไม่สบายตา รวมถึง “รังสี UV” ที่ทำร้ายผิวหนัง ทั้งยังทำให้ข้าวของเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์ในบ้านสีซีดจางเสื่อมสภาพ

ติดฟิล์มกรองแสงช่วยประหยัดพลังงานยังไง?

เมื่อหน้าต่างของคุณได้รับแสงอาทิตย์ จะมี 3 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ

89% พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ สามารถทะลุผ่านกระจกเข้ามาได้
6% พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ สะท้อนออกไปนอกกระจก
5% พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ ถูกกระจกดูดซึมเอาไว้

เมื่อติดตั้งฟิล์มกรองแสง พลังงานแสงอาทิตย์เพียง 22% เท่านั้นที่ถูกส่งผ่านหน้าต่างมา จึงทำให้พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ 68% ไม่สามารถทะลุเข้ามาได้ ทำให้คุณสามารถลดการใช้ไฟฟ้า ได้มากเลยทีเดียว คุณสามารถพิสูจน์สิ่งเหล่านี้ได้จากบิลค่าไฟของคุณเอง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้